เกิด 2 คดีฆาตกรรมในเวลาไล่เลี่ยกัน มีผู้ต้องสงสัย 2 คน ต่างคนต่างเล่าเรื่องของตัวเอง มีจุดพลิกผันตอนท้ายที่ทำเอาทึ่งไปเลย
'วิกรม' (Sidharth Malhotra) นักเขียนนิยายชื่อดังกำลังถูกตำรวจตามล่าตัวในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมภรรยาของตัวเอง เขาขับรถหลบหนีไปซ่อนตัวในอพาร์ทเม้นท์หรู ซึ่งบังเอิญตำรวจมาเจอเขาอยู่กับศพทนายเจ้าของห้องพอดีอีก แถมคราวนี้ 'มายา' (Sonakshi Sinha) ภรรยาของทนายก็กล่าวหาว่าเขาเป็นฆาตกรอีกด้วย ทำให้ 'เดฟ' (Akshaye Khanna) ตำรวจนักสืบฝีมือดีต้องเรียกทั้งคู่มาสอบสวน แต่ทั้งคู่เล่าเรื่องไม่เหมือนกันสักนิดเดียว เจอแบบนี้ตำรวจปวดหัวแน่นอนว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริง
จริง ๆ Ittefaq เป็นหนังแนวสืบสวนฆาตกรรมที่พล็อตเจ๋งมากนะ ปัญหาเดียวของหนังคือมันดันเอาไอเดียหลักมาจากหนังชื่อเดียวกันปี 1969 ซึ่งก็ remake มาอีกต่อ จากหนังฮอลลีวูดเรื่อง Signpost to Murder ปี 1965 ทำให้วิธีวางพล็อต วิธีสร้างเงื่อนไขฆาตกรรมมันอยู่ในยุคที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ตให้ตรวจสอบ แต่พอ Ittefaq เวอร์ชั่นนี้เอามาทำใหม่แล้วไม่ได้ปรับปรุงพล็อตให้อัพเดทกับยุคสมัย เลยเหมือนจะมีจุดโหว่หน่อย ๆ ที่สามารถถูไถแถได้อยู่ เช่น ตำรวจเองก็คิดไม่ถึง, และอพาร์ทเม้นท์หรูระดับนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดก็พอจะถูไถว่าก็มีรปภ.เฝ้าแล้วไง ยังดีว่าตอนท้ายเฉลยเคลียร์หมดว่าตำรวจพลาดตรงไหนไปบ้าง
ถ้าหนังแกล้ง ๆ เซ็ตติ้งเป็นยุค 90's น่าจะทำให้ว้าวได้อยู่
***** สปอยล์ *****
หนังพลาดตรงที่ตำรวจดันเชื่อว่าการที่วิกรมขับรถหลบหนีไปซ่อนตัวในอพาร์ทเม้นท์เป็นเรื่องบังเอิญ ทั้งที่ความจริงวิกรมตั้งใจไปจัดการทนายอยู่แล้ว ตรงนี้ถ้าตำรวจแค่จัดการตรวจสอบความเชื่อมโยงของคนตาย เช่น ตรวจสอบอีเมล์ หรือตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ ก็น่าจะเจอว่าผู้ตายที่เป็นภรรยานักเขียนกับทนายเคยติดต่อกันมาก่อน พล็อตแบบนี้ถ้าเป็นยุค 60's แบบต้นฉบับมันก็ตรวจสอบไม่ได้หรอกว่าคนเคยติดต่อกัน พอเฉลยก็น่าจะว้าวหมด แต่พอเป็นหนังปี 2017 ขั้นตอนสืบสวนไม่เช็คโทรศัพท์เพื่อหาความเชื่อมโยงมันก็แหม่ง ๆ นิดนึง กับอีกอย่างคือพอตรวจสอบสาเหตุการตายว่ามาจากหัวใจวาย ทั้งที่กินยาปกติ พี่ไม่ตรวจสอบอีกนิดเหรอว่ากินยาเกินขนาดหรือเปล่า
ถ้าไม่นับสองจุดที่แหม่ง ก็ยอมรับว่าเป็นหนังสืบสวนที่เฉลยแล้วทึ่งจริง ถ้าได้ดูต้นฉบับหรือแกล้ง ๆ เซ็ตติ้งเป็นยุค 90's จะปรบมือให้เลย
Ittefaq สามารถดูได้ใน Netflix
https://www.netflix.com/title/80164904